วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ผลสอบภาค ข ของสำนักงาน กพ.

วันนี้....พักยกเกี่ยวกับการสอบครูเอาไว้ก่อนนะครับเพื่อนๆ วันนี้เรากำลังติดตามผลการสอบภาค ข. ของสำนักงาน กพ. ให้กับเพื่อนๆ อีกหลายคนที่ไปสอบมา ยังไงก็ลุ้นเอาใจช่วยนะครับ..เห็นวันที่เพื่อนๆ ไปสอบบอกว่าจะประกาศผลวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 เราจะตามติดผลมาให้เพื่อนๆ ดูอีกทางหนึ่งนะครับ..เพราะวันประกาศไม่แน่ว่า Sever อาจจะล่มหรือเปล่าเพราะคนแห่กันดูอย่างมาก อีกอย่างคนไปสอบเยอะกว่าครูเสียอีก วันนี้เอาลักษณะของใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้องมาให้เพื่อนๆ ดูสำหรับคนที่ผ่าน ภาค ข. ของ กพ. จะได้เอาไปยื่นวันสัมภาษณ์ ถ้าให้ถูกต้องเลยก็คือไปเอาใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐนั่นเอง เพราะคลีนิกอาจจะไม่มีรูปแบบตามที่กำหนดก็ได้นะครับ

- รูปแบบ ใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้อง ที่จะยื่นในวันสอบสัมภาษณ์

- แผนที่เดินทางไปสอบสัมภาษณ์ สำนักงาน กพ. (จังหวัดนนทบุรี)

- ประกาศเอกสารที่ต้องนำไปยื่นวันสัมภาษณ์

- กำหนดวัน เวลา สถานที่ ช่วงรหัสสอบในการสัมภาษณ์

- ระเบียบว่าด้วยการเข้าสอบสัมภาษณ์

ประกาศผล ตำแหน่ง

รายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์

ตำแหน่งนิติกรปฏิบัติการ

ดูผลการสอบ

ตำแหน่งเศรษฐกรปฏิบัติการ

คลิกดูผลการสอบ

ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ

คลิกดูผลการสอบ

ตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ

คลิกดูผลการสอบ

ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ

คลิกดูผลการสอบ

ขอให้เพื่อนๆ โชคดีในการสอบ และได้บรรจุทุกคนนะครับ....^_^

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

เทคนิคการอ่านตามหลัก SQ3R (เพื่อให้สอบบรรจุได้)


สวัสดีเพื่อนๆ....มาคราวนี้เอาเทคนิคดีๆ มาฝาก คิดว่าหลายคนคงขมักเขม้นกับการอ่านหนังสือสอบบรรจุแน่ๆ เลยใช่ไหม..ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเพราะเป็นคนขยัน แต่หากเพื่อนๆ ไม่มีเวลาอ่าน หรืออ่านแล้วจำไม่ได้สักทีกับสิ่งที่อ่าน อ่านแล้วง่วง และก็ง่วง เป็นอย่างนี้ประจำละก็ ลองเอาเทคนิคการอ่านตามหลัก SQ3R ไปใช้ดู เพราะหลักการอ่านแบบนี้จะทำให้เพื่อน ๆ จำได้แม่น เวลาสอบก็ระลึกชาติได้ (เว่อร์ไปและ ^_^) แหะๆ อย่างไรก็แล้วแต่ เพื่อนๆ ลองเอาไปใช้ดู ซึ่งน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพราะว่า สพฐ. ประกาศรับสมัครเร็ว และสอบเร็ว เวลาเตรียมตัวก็ช้า เฮ้อ!!..ทำไงดี ลองหลักการอ่าน SQ3R ไปทำดูแล้วจะรู้ว่าไม่ทำ-มะ-ดา...

ไปดูกันเล๊ย....ตามมาเลยครับ..




เทคนิคการอ่านตามหลัก SQ3R เรามาดูกันว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
Survey (สำรวจ) :
- สำรวจดูว่าหนังสือเล่มนี้มีหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องอะไร ? ใครเป็นคนเขียน ? มีพื้นฐานความรู้อย่างไร ? พิมพ์เมื่อไร ?
- อ่านคำแนะนำและศึกษาว่าผู้เขียนต้องการเขียนตำราเล่มนี้เพื่อให้บุคคลกลุ่มใดอ่าน มีจุดประสงค์จะครอบคลุมเรื่องใดบ้าง ผู้เขียนแนะนำวิธีการอ่านหรือไม่
- เนื้อหาในหนังสือกล่าวถึงอะไรบ้าง
- อ่านดรรชนี เพื่อหาบทความที่เฉพาะเจาะจง
- มีภาพประกอบ/แผนภูมิหรือไม่
- มีการสรุปย่อแต่ละบทหรือไม่
- มีสัญลักษณ์บ่งชี้ เช่น ขนาดตัวอักษร การขีดเส้นใต้ ลำดับความสำคัญของการจัดวางหัวข้อซึ่งบ่งบอกถึงระดับความสำคัญของแต่ละหัวข้อ
Question (ตั้งคำถาม) :
- ก่อนอ่านหนังสือ เราน่าจะมีคำถามในใจไว้ล่วงหน้าว่าเราจะอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่ออยากรู้อะไร ? อยากตอบคำถามอะไร ? หรือเป็นการเก็งข้อสอบว่าเขาจะถามว่าอะไรนั่นเอง
- คำถามเหล่านั้น อาจจะมาจากเราตั้งคำถามเอง ถามเพื่อน เพื่อเป็นการหาคำตอบ ก็ได้
Read (อ่าน) :
อ่านครั้งที่ 1
- อ่านอย่างเร็วพยายามเจาะหาประเด็นสำคัญของแต่ละบท แต่ละหัวข้อ แต่ละย่อหน้า
- อย่ามัวแต่ขีดเส้นใต้ หรือป้ายปากกาสี ควรทำเครื่องหมายด้วยดินสอและเขียนอย่างเบา ๆ (ทำบ่อยมาก T_T)
- อย่ามัวแต่จดบันทึกเพราะจะทำให้สมาธิในการอ่านลดลง (เฮ้อ..ทีแรกเราก็ทำ)
อ่านครั้งที่ 2
- อ่านซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ทำเครื่องหมายข้อความที่สำคัญ (หลักการที่ถูกต้องแฮะ..เริ่มจำได้ดีขึ้น)
- รวบรวมประเด็นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
- ลองประเมินเนื้อหา (หากเป็นข้อโต้แย้งให้พิจารณาว่าอ่านแล้วดูมีเหตุผลหรือไม่ ข้อมูลที่บอกในหนังสือดูขัดกับความจริง หรือความรู้ที่เรารู้มาหรือไม่)
- สรุปเนื้อหา เพื่อง่ายต่อการรื้อฟื้นความจำในภายหลัง
Recall (ฟื้นความจำ) :
เมื่อสิ้นสุดเนื้อหาของแต่ละบท บันทึกย่อ อย่าย่อชนิดยาวจนเกินเหตุ ซึ่งเป็นการแสดงว่า
เรายังจับประเด็นไม่ถูกต้อง (แต่เราชอบย่อเป็น Mind Mapping ไม่รู้ทำไมทำให้จำได้ดีกว่าอ่ะคับ)

Review (ทบทวน) : หรือเรียกว่าขั้นระลึกชาติ (ปิดหนังสือแล้วนั่งเล่าสิ่งที่ตัวเองรู้ให้ตัวเองฟัง)
- สำรวจดูหัวข้อ (ชื่อ) ของหนังสือ หัวข้อและเนื้อหาโดยย่อของแต่ละบท
- ตรวจสอบว่าเนื้อหาที่มีนั้น ตอบคำถามที่เรามีไว้ในใจหรือไม่
- อ่านอีกครั้ง เพื่อแน่ใจว่าเราเก็บประเด็นสำคัญของหนังสือได้หมด
- เติมสิ่งที่ขาดตกบกพร่อง
====================================================================

เป็นไงบ้าง..เพื่อนๆ มาถึงตอนนี้แล้วลองเอาวิธีการอ่านแบบ SQ3R ไปใช้ดูบ้างนะครับ ได้ผลเป็นอย่างไร มาบอกด้วยนะครับ...กล่องข้อคิดเห็นด้านล่าง เพื่อนๆ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ครับ....

====================================================================

ส่วนเพื่อน ๆ....เอกคอมพิวเตอร์ ที่ถนัดกับการทำงานคอมพิวเตอร์นะครับ วันนี้เราจะเอาเทคนิคการทำงานของคอมพิวเตอร์ มาใช้กับอ่านเพื่อสอบบรรจุ ด้วยหลัก SCAN-SEARCH-SAVE หรือเรียกว่า 3S นั่นเอง

ขั้นตอนของหลักการอ่านแบบ 3S มีดังนี้
Scan (แสกนเนื้อหา) : ได้แก่การอ่านเนื้อหาอย่างหยาบ ๆ และรวดเร็ว เพื่อจับใจความว่าหนังสือนี้ประกอบด้วยบทใดบ้าง มีบทนำ การเรียงลำดับหัวข้อเป็นเช่นใด มีแผนภูมิ รูปภาพประกอบมากน้อยเพียงใด
Search(ค้นหาสิ่งสำคัญ) :
- หาบทที่มีเนื้อหาตรงกับความต้องการ
- หาคำตอบ เพื่อตอบคำถามที่ตั้งไว้
- ทำเครื่องหมาย (ใช้ดินสอ เขียนเบา ๆ)
- ศึกษาเนื้อหาในแต่ละย่อหน้าที่ตรงกับจุดประสงค์
Save(บันทึกลงสมอง) :
- เก็บข้อมูล เนื้อหา ของโครงสร้างของแต่ละบท
- จดเนื้อหาที่สำคัญ

====================================================================

เฮ้อ..เหนื่อยเหมือนกันแฮะ..แต่เพื่อให้เพื่อนๆ ได้นำหลักการอ่านไปใช้ และได้บรรจุรอบแรกๆ ก็ยินดี และดีใจมากแล้วครับ...ยังไงก็ขอให้โชคดีกับการสอบครั้งนี้นะครับ...มีสุภาษิตบทหนึ่งทิ้งท้ายว่า ความทุกข์ที่เหลือทน จะหลอมคนให้ทนทาน...สู้ๆ ครับ..

...รอบต่อไป...จะหาข้อสอบแต่ละวิชาเอกไว้ให้เพื่อนๆ เอาไปอ่านนะครับ เพราะมีคนเรียกร้องมาก....

ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก : gotoknow.org/blog/skuikratoke/190456


เรื่องนี้น่าจะออกสอบนะ วิธีการสอนแบบ Backward Design


สวัสดีเพื่อน ๆ วันนี้..ขอมาเน้นย้ำเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ Backward Design เพราะว่าบูมแอนด์บูมมากๆ เพราะว่าทางโรงเรียนส่งครูไปอบรม อบจนเกรียมกันไปหมดแล้วครับเนี่ย T_T (แต่เอาน่า..ได้ความรู้)ทำไม สพฐ. จึงเร่งอบรมครู ก็เพราะว่า สพฐ. จะนำมาใช้กับการเรียนการสอนทั่วทุกโรงเรียนนะสิครับ เหมือนกับหลักสูตรแกนกลาง’51 นั่นแหละ..ที่ตอนนี้ก็อบรมกันเกี่ยวกับ 2 เรื่องนี้อย่างหนักเลย เราจึงมองว่า หาก สพฐ. จะออกข้อสอบ ก็น่าจะหยิบยกเกี่ยวกับ 2 เรื่องนี้มาออกอย่างแน่นอน หรือถ้าสอบภาค ก. และ ข. ผ่านแล้ว สิ่งที่จะถามในภาค. ค. (สอบสัมภาษณ์) ก็น่าจะถามเกี่ยวกับ 2 เรื่องนี้อย่างแน่นอน (ฟันเฟริ์ม) อิอิ.. ยังไงเพื่อนๆ ก็ดูไว้หน่อยแล้วกันนะครับ..เรื่องที่เราจะเน้นย้ำให้ดู น่าจะมีหลัก ๆ อยู่ 3 อย่างด้วยกัน คือ

1. โครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ

2. หลักสูตรแกนกลาง’51 (โดยเฉพาะข้อแตกต่างหรือที่เพิ่มจาก ปี44)

3. การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธี Backward Design

ขอฝากให้เพื่อน ๆ ดูและจำในส่วนนี้ให้ขึ้นใจนะครับ...วิธีจำหลักๆ ไม่ต้องท่อง แต่ให้เน้นเล่าเรื่องได้ ราวกับว่าเล่านิทาน ยกตัวอย่างเช่น เกี่ยวกับเรียนฟรี 15 ปีเขาให้ฟรีอะไรบ้าง มีหลักการยังไง ส่วนหลักสูตรแกนกลางก็จำว่าแตกต่างจากหลักสูตร 2544 ยังไง มีอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้างนะ แล้ววิธีการสอนแบบ Backward Design เนี่ยมีวิธีการสอนยังไง จุดเด่นตรงไหนเขาถึงจะนำมาใช้ทั่วประเทศของ สพฐ. อย่างงี้เป็นต้น เพื่อนๆ อย่าท่องจำแต่ให้หันมาเล่าเรื่องได้ เริ่มต้นด้วยการอ่านและมาเล่าให้เพื่อนๆ น้องๆ ญาติๆ ฟัง มันจะกลายเป็นความจำที่ฝังแน่นหรือคงทน หรือเรียกว่าจำจนเข้ากระดูกดำ (เหอๆ แรงไปไหม) ซึ่งดีกว่าท่องจำเป็นนกแก้ว นกขุนทองแล้วก็ลืมใช่ไหม๊ๆ..อีกอย่างหากพลาดคราวนี้ คราวหน้าก็จะไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะ เพราะจำได้บางส่วนแล้ว ทำให้นึกออก คิดได้ ถ้าอ่านซ้ำสอง เป็นต้นไงครับ..แต่ยังไงคนที่เตรียมพร้อม ซ้อมดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งนะ....เพื่อน ๆ ว่าไม๊.. พูดจนลืมไปเลยว่าเอาอะไรมาฝากเพื่อน ๆ บ้าง นี่เลย.. ข้อมูลด้านล่างนี้แหละ สำคัญๆ

หลักการ แนวคิด Backward Design

Backward Design หรือการออกแบบย้อนกลับ เป็นกระบวนการออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่กำหนดหลักฐานการแสดงออกของผู้เรียน/กิจกรรมการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้ หรือตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังก่อน แล้วจึงออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ และแสดงความรู้ ความสามารถตามหลักฐานการแสดงออกของผู้เรียน/กิจกรรมการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่กำหนดไว้ วิธีนี้ได้เผยแพร่โดย Grant Wiggins และ Jay McTighe เมื่อ ค..1998 ได้ให้แนวการออกแบบการจัดการเรียนรู้สำหรับ

1 หน่วยการเรียนรู้ไว้ 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ได้แก่

ขั้นที่ 1 กำหนดความรู้ความสามารถของผู้เรียนที่ต้องการให้เกิดขึ้น (Identify desired results)ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ขั้นที่ 2 กำหนดหลักฐานการแสดงออกของผู้เรียนที่ต้องการให้เกิดขึ้น หลังจากได้เรียนรู้แล้วซึ่งเป็นหลักฐานการแสดงออกที่ยอมรับได้ว่า ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามที่กำหนดไว้ (Determine acceptable evidence of learning)

ขั้นที่ 3 ออกแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้(Plan learning experiences and instruction) เพื่อให้ผู้เรียนได้แสดงออกตามหลักฐานการแสดงออกที่ระบุไว้ในขั้นที่ 2 เพื่อเป็นหลักฐานว่า ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามที่กำหนดไว้ในขั้นที่ 1

ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม เพื่อไปอ่านเกี่ยวกับ การออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยวิธี Backward Design ที่นี่...ครับ..โชคดีและโชคดี


วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

ว่าด้วยเรื่อง : นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพของรัฐบาล

สวัสดีเพื่อน ๆ ที่อ่านหนังสือสอบ นะครับ ก็ใกล้วันเข้ามาเต็มทีแล้ว อ่านหนังสือทันไหม วันนี้ผมจะมาพูดถึง นโยบายใหม่ของรัฐบาลนั่นก็คือ นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ และผมก็คิดว่าน่าจะมีในข้อสอบอย่างแน่นอน วันนี้จึงเอาเนื้อหามาฝากครับ....

สาระสำคัญของนโยบาย เรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.. 2552 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2552 เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน (เพิ่มเติมสำหรับการศึกษาของเอกชน) หนังสือเรียนอุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ตามแผนงานเสริมสร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี สำหรับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้

ค่าหนังสือเรียน

4,203,370,800 บาท

ค่าอุปกรณ์การเรียน

1,531,983,800 บาท

ค่าเครื่องแบบนักเรียน

3,158,678,100 บาท

ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

2,117,506,400 บาท

รวมทั้งสิ้น

11,011,539,100 บาท

หากเพื่อน ๆ ต้องการข้อมูลฉบับเต็ม สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเพื่อไปอ่านต่อ ได้นะครับ

คลิกที่นี่ ===นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ=== เพื่อดาวน์โหลดข้อมูล

ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้แก่ .....นโยบาย นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ รัฐธรรมนูฉบับ พ.ศ.2550

=============================================================================

ด้วยความปรารถนาดี ที่จะให้เพื่อน ๆ สอบได้ทุกคน

ปล. โครงการดีดีเพื่อให้เพื่อนสอบได้ ผลตอบรับดีเกินคาด ใครที่ยังไม่ได้ติดต่อรับด่วนเลยนะครับ..!!

ขอบคุณภาพประกอบ : : www.nma6.obec.go.th/.../view.php?article_id=2555

=============================================================================

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง’51 ตอน 2

กลับมาแล้วเพื่อน ๆ.... หลังจากไปต่างจังหวัดมา ทำให้งดรายการดีดีที่ส่งข้อสอบฟรีให้เพื่อน ๆ ไปตั้ง 2 วัน ตอนนี้กลับมาแล้วถ้าเพื่อน ๆ ยังต้องการอยู่ก็อ่านรายละเอียดด้านล่างเกี่ยวกับโครงการรับข้อสอบฟรีนะครับ...^_^...วันนี้....จะมาต่อเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง 2551 นะครับ เผื่อออกข้อสอบ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะออกเพราะเป็นเรื่องใหม่มากๆ

====================================================================

ถาม : หลักสูตรแกนกลาง’51 เริ่มใช้เมื่อใด อย่างไร

ตอบ : เริ่มใช้ในปีการศึกษา 2552 กับโรงเรียนต้นแบบการใช้หลักสูตรและโรงเรียนที่มีความพร้อม ตามรายชื่อที่ ศธ.ประกาศ โดยใช้หลักสูตรแกนกลางฯ พร้อมกันทุกระดับชั้นในช่วงชั้นที่ 1 และ 2 นั่นคือตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 เปลี่ยนพร้อมกันเลยทีเดียว ส่วนระดับมัธยมศึกษาให้ทะยอยเปลี่ยนไปทีละระดับชั้น เริ่มที่ ม.1 และ ม.4 ก่อน ปีการศึกษา 2553 ให้ใช้หลักสูตรแกนกลาง’51 ในชั้น ป.1-6 ชั้น ม.1,2 และชั้น ม.4,5 และตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 เป็นต้นไปให้ใช้หลักสูตรแกนกลาง’51 ทุกชั้นเรียน

ส่วนโรงเรียนทั่วไป ในปีการศึกษา 2553 ให้ใช้หลักสูตรแกนกลาง’51 ในชั้น ป.1-6 และ ม.1,4 ส่วนปีการศึกษา 2554 ให้ใช้หลักสูตรแกนกลาง’51 ในชั้น ป.1-6 และ ม.1,2 และชั้น ม.4,5 และตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 เป็นต้นไปให้ใช้หลักสูตรแกนกลาง’51 ทุกชั้นเรียน

====================================================================

ถาม : การวัดประเมินผลของหลักสูตรแกนกลาง’51 ต่างจากหลักสูตร’44 อย่างไรบ้าง

ตอบ : เดิมหลักสูตร’44 กำหนดให้ ระดับชั้น ป.1-ม.3 ตัดสินผลการเรียนเป็นรายปี และมัธยมศึกษาตอนปลายตัดสินผลเป็นรายภาคนั้น หลักสูตรแกนกลาง’51 ได้ปรับให้ระดับประถมศึกษา (ป.1-6) ยังคงตัดสินผลการเรียนเป็นรายปีเช่นเดิม แต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นให้เปลี่ยนการตัดสินผลการเรียนเป็นรายภาค เพื่อให้สอดคล้องกับระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ใช้ระบบหน่วยกิต นอกจากนี้ยังกำหนดให้การบริการสังคม เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและต้องได้รับการประเมินผลอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม

====================================================================

วันนี้!!...พอแค่นี้ก่อนนะครับ ขอให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องๆ สอบได้และได้ลำดับดีๆ อันดับต้นๆ บรรจุรอบแรกทุกคนนะครับ...อย่าลืมนะครับ...โครงการรับข้อสอบฟรี เปิดให้บริการเพื่อนๆ เหมือนเดิมแล้วเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอม ถ้าเปิดเทอมแล้วคงไม่ได้ให้บริการเพื่อน ๆ แล้วนะครับ...งั้นรีบหน่อยแล้วกันนะครับ...^_^

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง’51

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง’51

สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้เราได้รวบรวม เกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง’51 เนื่องจากเราคิดว่าน่าจะมีการออกข้อสอบแน่นอน เพราะปี 2553 จะนำมาใช้กับทุกโรงเรียน และจะจัดการเรียนการสอนโดยใช้ Backward Design คือการจัดการเรียนการสอนแบบย้อนกลับนั่นเอง ซึ่งโรงเรียนเราก็ได้ใช้แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนนำร่อง นั่นเอง วันนี้จึงเอามาเปรียบเทียบให้เพื่อนๆ ดูเพราะคิดว่าน่าจะออกข้อสอบนะ

ถาม หลักสูตรแกนกลาง’51 มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากหลักสูตร’44 บ้าง

ตอบ หลักสูตรแกนกลาง’51 เพิ่มจากหลักสูตร’44 ยังไง จึงทำตารางเปรียบเทียบให้ดูนะเพื่อนๆ

หลักสูตร’44

หลักสูตรแกนกลาง’51

-

-

-

ง. มาตรฐานช่วงชั้น

จ. ให้ตัวอย่างสาระการเรียนรู้

ฉ. กำหนดเวลาเรียนรวมแต่ละปี

ช. สถานศึกษากำหนดเกณฑ์การวัดประเมินผล

ซ. ตัดสินผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นรายปี

ฌ กำหนดระดับการศึกษาเป็น 4 ช่วงชั้น

ก. เพิ่มวิสัยทัศน์

ข. เพิ่มสรรถนะสำคัญ

ค. ปรับปรุงคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ง. กำหนดตัวชี้วัดชั้นปี (ป.1-ม.3) ตอนหลักสูตร 44 เรียกว่ามาตรฐานช่วงชั้น

จ. กำหนดสาระการเรียนรู้แกนกลางชัดเจน

ฉ. กำหนดโครงสร้างเวลาเรียนขั้นต่ำแต่ละกลุ่มสาระในแต่ละปี

ช. ส่วนกลางกำหนดเกณฑ์การวัดประเมินผลกลาง

ซ. ตัดสินผลการเรียนระดับ ม.ต้น เป็นรายภาค

ฌ. กำหนดระดับการศึกษาเป็น ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย

และขออธิบายให้เพื่อนๆ ฟังเพื่อขยายความในส่วนที่ หลักสูตรแกนกลาง’51 ได้เพิ่มขึ้นมา ดังนี้

ก. เพิ่มวิสัยทัศน์ ซึ่งสรุปได้ดังนี้ พัฒนาผู้เรียน สมดุลด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม จิตสำนึกในการเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นการปกครองแบบประชาธิปไตย เพื่อให้มีความรู้ ทักษะพื้นฐาน เจตคติ เพื่อให้พร้อมสำหรับ ศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ การศึกษาตลอดชีวิต นั่นเอง

ข. เพิ่ม สมรรถนะที่สำคัญของผู้เรียน 5 ประการ คือ

1. ความสามารถในการสื่อสาร

2. ความสามารถในการคิด

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชิวิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ค. ปรับปรุงคุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้

5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ

วันนี้....พอแค่นี้ก่อนนะเพื่อนๆ ส่วนการจัดการเรียนการสอนแบบ Backward Design เหมือนเราจะรวบรวมไว้แล้วในบล๊อกนี้แหละ ลองหาดูนะครับ....ขอให้โชคดี

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

ประกาศผลสอบ ข้าราชการครูกทม.

ประกาศผลสอบ ข้าราชการครูกทม. (รอประกาศ นาทีต่อนาที)
และแล้วผลการสอบ ก็ออกเสียที และระบบก็่ล่มแล้วล่มอีกเพราะคนแห่ดูผลประกาศนะครับ....
จึงเพิ่มช่องทางให้เพื่อนดูผลอีกทาง ที่บล๊อกนี้นะครับ.....
================================================================
คลิกที่นี่ ผลการสอบแข่งขันและวันเวลารายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาอนุบาลศึกษา
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาภาษาไทย
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชานาฏศิลป์
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาพลศึกษา
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาดนตรี
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาศิลปศึกษา - วาดเขียน
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาคหกรรม
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาบรรณารักษ์
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาเกษตรกรรม
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาแนะแนว
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาสังคมศึกษา
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาวัดผล
คลิกที่นี่ กลุ่มวิชาการศึกษาพิเศษ


================================================================
ขอแสดงความยินดีกับคนที่ได้บรรจุ และขึ้นบัญชีทุกคนนะจ๊ะ..^_^.....

หน่วยงานราชการ เปิดสอบหลายหน่วย ดังนี้

หน่วยงานราชการ เปิดสอบหลายหน่วย ดังนี้

1. กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ
เปิดรับตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 สมัครผ่านเว็บไซต์ออนไลน์
คลิกที่ี่นี่เพื่อดูประกาศสอบ

2. กรมวิทยาศาสตร์บริการ เปิดสอบ "นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ" สมัครสอบออนไลน์
คลิกที่นี่ เพื่อดูประกาศรับสมัคร

3. เปิดสอบภาค ข. ที่ อบต.สาคู จังหวัดภูเก็ต
คลิกที่นี่ เพื่อดูประกาศรับสมัคร

4. ก.พ. (เปิดสอบ ภาค ก.1-27 เม.ย.52 ป.โท
คลิกที่นี่ เพื่อดูประกาศรับสมัคร

5. เปิดสอบ ข้าราชการกรุงเทพมหนาครสามัญ อีกแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อดูประกาศรับสมัคร


ขอให้เพื่อน....ๆ...โชคดีสอบได้....

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

แนวข้อสอบ ตำแหน่งครูผู้ช่วย วิชาเอก คอมพิวเตอร์

แนวข้อสอบ ตำแหน่งครูผู้ช่วย วิชาเอก คอมพิวเตอร์
เห็นช่วงนี้มีการเปิดสอบครู ของ สพท. อยู่หลายเขต จึงเอาแนวข้อสอบสำหรับเอกคอมพิวเตอร์ ไปอ่านกัน น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่อยากเป็นครูนะครับ....

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดตัวอย่างชุดข้อสอบ วิชาคอมพิวเตอร์

หรือคัดลอกลิงค์ไปวางที่ Address Bar

http://www.ziddu.com/download/4390701/TEST-COMPUTER.rar.html

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

ผลการสอบข้อเขียนข้าราชการครู กทม. ครั้งที่ 1/2552

ผลสอบครู กทม. ครั้งที่ 1/2552 ได้รวบรวมไว้ให้เพื่อนๆ ได้ดาวน์โหลดเพื่อเอาไปดูนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบสัมภาษณ์ต่อไป ไฟล์เป็น PDF นะครับ
กลุ่มวิชาอนุบาล
http://www.ziddu.com/download/3844890/anuban.pdf.html

กลุ่มวิชาดนตรีศึกษา
http://www.ziddu.com/download/3844906/dontee.pdf.html

กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ
http://www.ziddu.com/download/3844952/english.pdf.html

กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์
http://www.ziddu.com/download/3844966/math.pdf.html

กลุ่มวิชาพลศึกษา
http://www.ziddu.com/download/3844974/pala.pdf.html

กลุ่มวิชา วิทยาศาสตร์
http://www.ziddu.com/download/3844987/science.pdf.html

กลุ่มวิชาศิลปะ
http://www.ziddu.com/download/3845041/sil.pdf.html

กลุ่มวิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา
http://www.ziddu.com/download/3845353/Techno.pdf.html

กลุ่มวิชาภาษาไทย
http://www.ziddu.com/download/3845106/Thai.pdf.html

กลุ่มวิชาการศึกษาพิเศษ
http://www.ziddu.com/download/3845134/Piset.pdf.html

กลุ่มวิชาเกษตร
http://www.ziddu.com/download/3845172/Piset.pdf.html

กลุ่มวิชาแนะแนว
http://www.ziddu.com/download/3845371/naenaw.pdf.html

กลุ่มวิชา วัดผลทางการศึกษา
http://www.ziddu.com/download/3845632/watpol.pdf.html

กลุ่มวิชาวาดเขียน
http://www.ziddu.com/download/3845724/wadkean.pdf.html

กลุ่มวิชาสังคมศึกษา
http://www.ziddu.com/download/3845778/sangkom.pdf.html

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552

ตัวอย่างข้อสอบ ครบทุกกลุ่มสาระและครบทุกช่วงชั้น

สวัสดีครับ..คุณครูทุกท่าน วันนี้เอาข้อสอบมาฝากเพื่อนๆครูทุกคนนะครับ เห็นว่าเป็นประโยชน์และเพื่อนครูอาจจะนำไปปรับใช้ได้นะครับ ซึ่งจะทยอยอัปโหลดขึ้นให้ครบทุกสาระนะครับ...

รวมชุดข้อสอบ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
วิชา ศิลปะศึกษา ป.2 ชุดที่ 1
วิชา ศิลปะศึกษา ป.2 ชุดที่ 2
เฉลยวิชา ศิลปะศึกษา ป.2 ชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2

วิชา ภาษาอังกฤษ ป. 2 ชุดที่ 1
วิชา ภาษาอังกฤษ ป. 2 ชุดที่ 2
เฉลยวิชา ภาษาอังกฤษ ป. 2 ชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2

วิชา พระพุทธศาสนา ป. 2 ชุดที่ 1
วิชา พระพุทธศาสนา ป. 2 ชุดที่ 2
เฉลยวิชา พระพุทธศาสนา ชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2

วิชา สังคมศึกษา ป.2 ชุดที่ 1
วิชา สังคมศึกษา ป.2 ชุดที่ 2
วิชา สังคมศึกษา ป.2 เฉลยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2


วันนี้เอา 4 วิชาก่อน ใครต้องการอะไรก่อนก็โพสบอกได้นะครับ (ตรงแสดงความคิดเห็นนะครับ)

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้หมวก 6 ใบ

วันนี้ ขอพูดถึงเทคนิคการสอนเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นวิชาที่เด็กๆ หลายคนบอกว่ายากและก็พาลไม่อยากเรียนให้ได้ ดังนั้นคุณครูจึงต้องคิดเทคนิคเพื่อหลอกล่อ และให้นักเรียนเกิดความสนุกกับการเรียนรู้
....วันนี้ท่องเน็ตไปเจอเทคนิคการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้หมวด 6 ใบ ครูคณิตศาสตร์ลองเอาไปใช้ดูนะครับว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด แล้วมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ

เทคนิค หมวก 6 ใบ เป็นเทคนิคการสอนแบบตั้งคำถามเป็นการสอนเพื่อพัฒนาการคิดสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้น

มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ

1.แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน
2.แบ่งกลุมนักเรียนให้คิด ดังนี้
กลุมที่ 1 ตั้งคำถามให้คิด (สีขาว)
กลุ่มที่ 2 ถามความรู้สึก (สีแดง)
กลุ่มที่ 3 ตรวจสอบหาผลกระทบ (สีดำ)
กลุ่มที่ 4 หาข้อดี (สีเหลือง)
กลุ่มที่ 5 หาทางเลือกในการพัฒนา (สีเขียว)
กลุ่มที่ 6 โครงสร้างกระบวนการคิด
3.กลุ่มสรุปแผนการดำเนินโครงการ

จากการศึกษาเรื่อง หมวก 6 ใบ คิด 6 แบบ ทำให้ได้รับความรู้และทดลองฝึกปฎิบัติวิธีการคิดที่หลากหลาย ทำให้ทราบว่า เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง เราสามารถมีวิธีการคิด หรือมุมมองในเรื่องเดียวกันนั้น ได้หลายแบบ แล้วแต่ว่า คุณคิดโดยใช้หมวกสีใด

ซึ่งการคิดโดยใช้หมวกสีต่างๆ ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น แล้วแต่ความเหมาะสมและการนำไปใช้ประโยชน์ ที่นี้มาดูนะคะว่าหมวก 6 ใบนั้นมีสีอะไรบ้าง และหมายถึงการคิดแบบใด
หมวก 6 ใบ หรือ 6 สี
สีขาว หมายถึง การคิดแบบอิงอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงข้อมูล และตัวเลข โดยไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง
- สวมบทบาทเป็นคอมพิวเตอร์ ให้ข้อเท็จจริงแบบเป็นกลาง และไม่มีอคติ ไม่ต้องตีความ ขอแค่ข้อเท็จจริงเท่านั้น อะไรคือข้อเท็จจริงต่างๆของเรื่องนี้ เมื่อครูต้องการให้เด็กคิดแบบสวมหมวกสีขาวก็ตั้งคำถามให้คิด

ตัวอย่างของคำถาม เช่น 1. เรามีข้อมูลอะไรบ้าง

2.เราต้องการข้อมูลอะไรบ้าง

3.เราได้ข้อมูลที่ต้องการมาด้วยวิธีใด
สีแดง หมายถึง การคิดที่อยู่บนพื้นฐานของอารมณ์และความรู้สึก
- สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับข้อมูลที่เป็นกลาง ลางสังหรณ์ สัญชาตญาณ ความประทับใจ สิ่งที่ไม่ต้องการข้อพิสูจน์ สิ่งที่ไม่ต้องเหตุหรือผลหรือหลักฐานมาอ้างอิง

ตัวอย่างของคำถาม เช่น 1.เรารู้สึกอย่างไร

2. นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ทำ

3.นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไรกับความคิดนี้
สีดำ หมายถึง การคิดที่อยู่บนพื้นฐานของข้อควรระวัง และคำเตือน เป็นหัวใจของการคิด
- ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนของเรื่องนั้น คอยเตือนภัยให้ระวังตัว สิ่งนั้นไม่สอดคล้องกับประสบการณ์ในอดีตอย่างไร ทำไมสิ่งนั้นอาจใช้การไม่ได้ ชี้ให้เห็นปัญหาและความยุ่งยาก การอยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ ดำรงคุณค่าและจริยธรรม

ตัวอย่างของคำถาม เช่น 1.อะไรคือจุดอ่อน

2. อะไรคือสิ่งที่ผิดพลาด

3.อะไรคือสิ่งที่ยุ่งยาก
สีเหลือง หมายถึง การคิดที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกที่ดี เป็นมุมมองในแง่บวก รวมถึงความหวัง และการคิดในแง่ดี เป็นการคาดการณ์ในเชิงบวก
- เป็นความคิดเชิงบวก สีเหลืองคือสีของแสงแดดและความสว่างสดใส การมองโลกในแง่ดี การมุ่งมองที่ผลประโยชน์ การคิดที่ก่อให้เกิดผล หรือทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้

ตัวอย่างของคำถาม เช่น 1.จุดดีคือะไร

2.ผลดีคืออะไร
สีเขียว หมายถึง การคิดที่อยู่บนพื้นฐานของความคิดริเริ่ม และความคิดใหม่ๆ
- เป็นความคิดใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ การจงใจสร้างความคิดริเร่มใหม่ๆขึ้นมา ทางเลือกใหม่ๆ และอีกหลายทางเลือกใหม่ๆ การเปลี่ยนแป ลง และแง่มุมใหม่ในการมองปัญหา

ตัวอย่างของคำถาม เช่น 1.นักเรียนจะนำความคิดนี้ไปทำอะไร

2.ถ้านักเรียนจะทำให้สิ่งนี้...(ดีขึ้น)...จะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร
สีฟ้า หมายถึง การคิดที่อยู่บนพื้นฐานของการคิดแบบควบคุม การจัดระบบกระบวนการคิด และการใช้หมวกอื่นๆ
- เป็นการคิดที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบการคิด การควบคุมหมวกคิดใบอื่นๆ เป็นการมองภาพรวมข้อสังเกตและสถานการณ์โดยรวม สรุปและลงมติ

ตัวอย่างของคำถาม เช่น 1.อะไรที่ต้องการ

2.ขั้นตอนต่อไปคืออะไร

3.อะไรที่ทำไปก่อนแล้ว

แนวความคิดแบบหมวกทั้งหกใบ ค่อนข้างเข้าไจได้ง่าย และนำไปใช้ได้ง่าย โดยเฉพาะในการประชุมที่ต้องถกเถียงเรื่องต่างๆ กันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทุกคนในองค์กรควรจะเข้าใจความหมายของหมวกต่างๆ ข้างต้นโดยใช้เป็นภาษาที่เข้าใจโดยทั่วกัน ในหลายองค์กรที่สัญลักษณ์ของหมวก ได้กลายเป็นภาษาที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยการคิดอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ.......

Iขอบคุณเนื้อดีๆจาก : http://www.thaigoodview.com

เทคนิคการสอน หลากหลายรูปแบบ

วันนี้..ไปเจอเทคนิคการสอน ซึ่งรวบรวมโดยท่าน สมยศ ต่ายแก้ว จึงขออนุญาต นำมาเผยแพร่ให้เพื่อนครูได้อ่าน และทดลองเอาไปสอนเด็กๆ กันนะครับ..
1. การสอนโดยการแสดงบทบาทสมมติ
2. การสอนโดยใช้เกมจำลองสถานการณ์
3. การสอนโดยใช้การระดมความคิด
4. การสอนแบบค้นพบความรู้
5. การสอนแบบแก้ปัญหา
6. การสอนแบบปฏิบัติการ
7. การสอนโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์
8. การสอนแบบให้ผู้เรียนเสนอรายงานในชั้นเรียน
9.การสอนโดยใช้คำถาม
เทคนิคการสอนทั้งหมดเป็นอย่างไร สามารถดาวน์โหลดเพื่อไปอ่านต่อได้เลย คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดเอกสาร

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แจกโปรแกรม ที่ควรมีไว้ใช้ประจำเครื่อง

โปรแกรมแปลงเวริ์ดเป็น PDF และแปลง PDF เป็น WORD
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรมทำ E-book หรือ Flipalbum v.6.0 เป็นโปรแกรมนำเสนองานในรูปแบบรูปเล่มหนังสือเปิดได้น่าสนใจมาก สำหรับเอาไปทำสื่อและสอนนักเรียนให้ตื่นตาตื่นใจไปเลย...
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแำกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรม Snagit หรือโปรแกรมจับภาพหน้าจอ เหมือนปริ้นสกินหน้าจอนั่นเอง ยังสามารถพิมพ์อธิบายในรูป ตัด ตกแต่ง ทำได้สวยและเยี่ยมโปรแกรมขนาดเล็กมาก เอาไปใช้ดูจะรู้ว่าเจ๋ง
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรมสำหรับทำ ปพ.5 กรอกประวัตินักเรียน สำหรับครูที่ทำหน้าที่ทะเบียนและวัดผล เอาไปใช้งานได้เลย ง่ายต่อการใช้ สะดวกต่อการทำ
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรมสำหรับกู้ข้อมูล จากฮาสดิสก์ หรือที่เสียไปแล้วให้กลับคืนมา
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรมแต่งภาพสวย ให้สวยกว่า ใช้งานง่าย เรียนรู้เองก็พอจะทำได้ ใครที่ไม่คล่องโฟโต้ชอป ก็ลองเอาไปใช้ดูครับ โปรแกรมขนาดเล็กไม่เปลืองเนื้อที่
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรมฝึกพิมพ์แบบสัมผัส เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก ฝึกเป็นประจำพิมพ์สัมผัสได้อย่างว่องไวเลยทีเดียว
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แจกสื่อการสอน ชุดแบบทดสอบ CAI ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

แจกสื่อการสอน ชุดแบบทดสอบ CAI ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
เหมาะสำหรับไปใช้ทดสอบนักเรียนนะครับ...
อันนี้กระผมไม่ได้เป็นผู้จัดทำนะครับ แต่จำได้ว่าโหลดมาจากคุณครูใจดีอีกท่านหนึ่ง
แต่ก็จำไม่ได้แล้ว แต่ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ...

เชิญโหลดไปใช้ได้ครับ : คลิกเพื่อโหลดไปใช้งาน

สำนักงาน ก.พ. เปิดสอบภาค ข. หลายตำแหน่ง

(สำเนา)
ประกาศสำนักงาน ก.พ.
เรือง รับสมัครสอบแข่งขันเพือบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในส่วนราชการต่างๆ
ประจำปี พ.ศ. 2552
------------------
ด้วย ก.พ. จะดำเนินการสอบแข่งขันเพือบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในส่วนราชการต่าง ๆ
ฉะนั$น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และ
หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที นร 1004.1/ว 15 ลงวันที  11 ธันวาคม 2551 เรือง หลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงือนไขการสอบแข่งขันเพือบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ จึงประกาศรับสมัครสอบแข่งขันดังรายละเอียด
ต่อไปนี$
1. ตำแหน่งทีจะบรรจุและแต่งตัง* เงินเดือนทีจะได้รับ
1.1 ตำแหน่งทีจ ะบรรจุและแต่งตัง$
1.1.1 ตำแหน่งนิติกรปฏิบัติการ
1.1.2 ตำแหน่งเศรษฐกรปฏิบัติการ
1.1.3 ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ
1.1.4 ตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ
1.1.5 ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ
1.2 อัตราเงินเดือน
อัตราเงินเดือน 7,940 บาท หรือตามที ก.พ.กำหนด
2. ลักษณะงานทีปฏิบัติ
ลักษณะงานทีปฏิบัติของแต่ละตำแหน่ง ตามทีร ะบุไว้ในรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี$
(เอกสารหมายเลข 1)
3. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครสอบ
3.1 ผสู้ มัครสอบต้องมีคุณสมบัติทัวไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 36
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกเพื่อดาวน์โหลดเอกสาร

ตอบข้อข้องใจเกี่ยวกับการจัดซื้อหนังสือเรียนฟรี



โดย คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

นับตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ได้มีข้อห่วงใยมากมายหลายประเด็นเริ่มตั้งแต่ความกังวลว่าจะจัดซื้อเฉพาะ หนังสือเรียนของกระทรวงศึกษาธิการไปจนถึงราคา ณ วันนี้ประเด็นเหล่านั้นได้รับการชี้แจงไปพอสมควรแล้ว แต่ยังมีประเด็นที่ค้างคาใจปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์หลงเหลืออีกบางประการ จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจ ดังนี้



"1.ทำไม สพฐ.จึงยังคงใช้หนังสือเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 (หลักสูตร 2544) ในปีการศึกษา 2552"

แม้จะประกาศหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (หลักสูตร 2551) ไปแล้ว แต่ตามแผนที่ประกาศไว้ ปีแรกคือปีการศึกษา 2552 จะเป็นปีนำร่อง เช่นทุกครั้งที่มีการประกาศหลักสูตรใหม่ โดย สพฐ.จะนำร่องในโรงเรียนต้นแบบ 555 แห่ง และจะเปิดโอกาสให้โรงเรียนที่ผ่านการประเมินของ สมศ.ในระดับดีมาก ที่เสนอขอร่วมการนำร่องเข้าร่วมอีกประมาณ 1,000 แห่ง ทั้งนี้ เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรค และนำไปปรับปรุงก่อนขยายผลทั่วประเทศในปีการศึกษา 2553 โดยใช้ในชั้น ป.1-ป.6 และ ม.1 และ ม.4 ฉะนั้น ในปีการศึกษา 2552 นี้ โรงเรียนทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง จึงยังใช้หลักสูตร 2544

"2.หนังสือหลักสูตร 2544 เก่า ล้าสมัย"

ในจำนวนหนังสือที่ได้รับอนุมัติตามหลักสูตร 2544 จำนวน 1,123 รายการ ส่วนใหญ่จะมีอายุเพียง 3-5 ปี เพราะทยอยได้รับอนุมัติตั้งแต่ปี 2546 ตามลำดับ และสำนักพิมพ์ทุกแห่งได้มีข้อตกลงร่วมกับ สพฐ.ที่จะจัดทำใบแทรกเสริม กรณีที่มีสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งจัดทำเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ เพื่อให้โรงเรียนสามารถปรับปรุงเนื้อหาสาระอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน ในการจัดซื้อหนังสือปี 2552 สพฐ.พร้อมจะรับหนังสือตามหลักสูตร 2544 ที่สำนักพิมพ์แจ้งว่ายังมีความประสงค์จะให้ตรวจเพิ่มเติม สำหรับหนังสือที่ผ่านระบบการประกันคุณภาพของสำนักพิมพ์แล้วในกลุ่มสาระภาษา อังกฤษ (เฉพาะที่ผู้เขียนเป็นเจ้าของภาษา) สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะและการงานอาชีพและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มเติมในบัญชีรายชื่อที่โรงเรียนสามารถเลือกซื้อได้ในปีการศึกษา 2552

"3.จะมีหลักประกันใดว่าโรงเรียนคัดเลือกหนังสือที่เหมาะสมมีคุณภาพ"

ในการจัดซื้อ สพท.ทุกแห่งจะต้องจัดนิทรรศการเพื่อให้ครูผู้สอน นักเรียน ผู้ปกครอง กรรมการโรงเรียนได้ศึกษาหนังสือที่มีให้เลือกกว่าพันรายการ ในการคัดเลือกได้กำหนดให้มีภาคี 5 ฝ่าย โดยเริ่มจากคณะครู กรรมการวิชาการ กลั่นกรองเสนอความต้องการพร้อมเหตุผลไปยังคณะกรรมการ 5 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และกรรมการสถานศึกษา เมื่อได้รายชื่อหนังสือแล้วจะจัดซื้อตามระเบียบพัสดุ กล่าวคือ

วงเงิน 100,000 บาท ใช้วิธีตกลงราคา

วงเงิน 100,000 บาทขึ้นไป ถึง 2 ล้านบาท ใช้วิธีสอบราคา

วงเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ใช้วิธีอี-ออคชั่น โดยจะต้องมีผู้เสนอราคาไม่ต่ำกว่า 3 ราย

"4.ทำไมไม่เปิดโอกาสให้โรงเรียนนำร่องหลักสูตร 2551 ที่จะเริ่มในปีการศึกษา 2552 ใช้หนังสือตามหลักสูตร 2551"

เนื่องจากการนำร่องเป็นกระบวนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเตรียมการใช้หลัก สูตร เพื่อจะทำให้ได้ทราบและเป็นข้อมูลการใช้หลักสูตรก่อนนำไปใช้จริง ประกอบกับหลักสูตร 2551 เป็นหลักสูตรที่ปรับปรุงจากปี 2544 โดยมีมาตรฐานการเรียนรู้และเนื้อหาที่ไม่แตกต่างจากหลักสูตร 2544 มากนัก เน้นการซอยสาระจากช่วงชั้นเป็นปี การปรับปรุงการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การบริหารและจัดการหลักสูตร การพัฒนาสื่อการเรียนรู้และการประเมินผล

จากการประชุมหารือร่วมกันกับสำนักพิมพ์เอกชนในเรื่องการผลิตหนังสือเรียนตาม หลักสูตร 2551 ได้ตกลงร่วมกันจะใช้หนังสือเรียนหลักสูตร 2544 ในโรงเรียนนำร่อง และให้สำนักพิมพ์ส่งหนังสือหลักสูตร 2551 ในกลุ่มสาระหลัก 5 กลุ่ม ให้ สพฐ.ตรวจในเดือนมีนาคม 2552 และในกลุ่มสาระอื่นๆ ในเดือนสิงหาคม 2552 ซึ่งจะทำให้สามารถพิมพ์หนังสือตามหลักสูตร 2551 ได้ทันปีการศึกษา 2553

เมื่อ สพฐ.ได้เชิญสำนักพิมพ์ที่มีหนังสือเรียนได้รับอนุมัติและเตรียมจะผลิต หนังสือตามหลักสูตร 2551 มาประชุมร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 อีกครั้ง เพื่อสอบถามความพร้อมและความสมัครใจ ทุกสำนักพิมพ์ ยกเว้นหนึ่งแห่งได้ยืนยันที่จะให้ดำเนินการตามแผนเดิมที่ตกลงกันไว้ โดยให้เหตุผลว่าได้ถือปฏิบัติตามข้อตกลง หากเปิดโอกาสให้มีการปรับเปลี่ยนไปจากข้อตกลง ทุกสำนักพิมพ์ย่อมจะต้องเร่งรีบการดำเนินงานซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพ

จึงพอสรุปได้ว่า ณ บัดนี้ ยังไม่มีหนังสือตามหลักสูตร 2551 ที่ได้ส่งเข้ารับการตรวจและผ่านการตรวจจนพร้อมที่จะวางจำหน่ายในปีการศึกษา 2552 ยกเว้นจะมีการวางแผนพิมพ์และจำหน่ายหนังสือที่ไม่ผ่านการตรวจ ซึ่งหากมีจริงย่อมจะได้รับความกระทบกระเทือนจากโครงการหนังสือเรียนฟรี เพราะโรงเรียนจะต้องซื้อหนังสือในบัญชีที่ผ่านการตรวจและไม่สามารถจะเก็บ เงินผู้ปกครองมาซื้อได้เช่นกัน

"5.สพฐ.จะใช้หนังสือใดในการจัดซื้อ ปีการศึกษา 2553"

ในปีการศึกษา 2553 เมื่อโรงเรียนทั่วประเทศจะใช้หลักสูตร 2551 ในชั้น ป.1-ป.6 และชั้น ม.1 และ ม.4 ในเบื้องต้น สพฐ.ได้วิเคราะห์ว่าจะเปลี่ยนหนังสือเรียนเฉพาะ ป.1 และ ป. 4, ม.1 และ ม.4 เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณของรัฐ และได้ขอคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรในแต่ละกลุ่มสาระ ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยและครูผู้สอนดีเด่น ได้พิจารณาอีกชั้นหนึ่ง ว่าควรจะเปลี่ยนหนังสือเรียนในกลุ่มสาระใดเพิ่มเติม

สพฐ.มีความพร้อมจะรับตรวจทุกเล่มที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงในปีการศึกษา 2553

"6.หากจะต้องเปลี่ยนหนังสือเรียนในปีการศึกษา 2553 บางเล่ม ทำไมจึงจัดซื้อในปีการศึกษา 2552"

รัฐบาลปัจจุบันได้ประกาศนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะจัดหาหนังสือเรียนให้แก่นัก เรียนทุกคน เมื่อกระทรวงศึกษาธิการรับนโยบายนี้มาดำเนินงาน ได้มีการพิจารณาร่วมกันว่าหากนักเรียนยังจำเป็นต้องซื้อหนังสือในปีการศึกษา 2552 รัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนค่าหนังสือเรียนเพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง

การเสนอระบบหนังสือยืมเรียนเป็นข้อเสนอของ สพฐ. โดยเจตนาจะลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในปีต่อไป แท้จริงแล้วการจัดซื้อหนังสือเรียนโดยหน่วยงานอื่นที่ดำเนินการมักจะเป็นการ ซื้อแจก เพราะหนังสือเรียนส่วนใหญ่จะจัดพิมพ์โดยประหยัดจึงเกิดการชำรุดไม่สามารถนำ มาใช้ต่อเนื่องได้ มักต้องซื้อซ่อมอย่างน้อย ร้อยละ 30

ในปีการศึกษา 2553 หนังสือที่สามารถใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องจัดซื้อใหม่ ได้แก่หนังสือเสริมประสบการณ์ของชั้นอนุบาล หนังสือเรียน ม.2 ม.3 ม.5 ม.6 ซึ่งยังไม่ใช้หลักสูตร 2551

หนังสือที่จะเปลี่ยนแน่นอน และอาจกำหนดคุณลักษณะให้สามารถใช้คงทนขึ้น ได้แก่ หนังสือ ป.1, ป.4, ม.1, ม.4 ส่วนหนังสือ ป.2, ป.3, ป.5, ป.6, ซึ่ง สพฐ.ได้ขอให้คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร 2551 วินิจฉัยนั้น ในเบื้องต้นคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรภาษาไทย คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ได้ให้ความเห็นว่าหลักสูตรทั้งสองมีเนื้อหาสาระที่สอดคล้องกันมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหนังสือเรียนทั้งหมดในทันที ส่วนกลุ่มสาระอื่นมีทั้งข้อเสนอให้วางมาตรการช่วยเหลือครูหากยังใช้หนังสือ เรียนเดิมและขอให้เปลี่ยนใหม่ ซึ่ง สพฐ.จะได้ประมวลเพื่อนำเข้าคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไป

สำหรับความเห็นของสำนักพิมพ์ทุกแห่งยกเว้นหนึ่งแห่งพร้อมที่จะรับฟังข้อสรุป จากคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร แต่ขอให้เร่งแจ้งเพื่อดำเนินการให้ทันการ

"7.สพฐ.มีอำนาจในการประเมินคุณภาพของหนังสือเรียน หรือกำหนดบัญชีรายชื่อหนังสือที่โรงเรียนจะเลือกใช้ได้เพียงใด"

ในประเด็นนี้ศาลปกครองกลางได้เคยมีข้อวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 ในประเด็นการประเมินคุณภาพว่า "การผลิตสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษานั้นมีความสำคัญต่อการศึกษาของชาติ จึงมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องเข้ามาควบคุมคุณภาพของสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการ ศึกษา ทั้งนี้ เพื่อให้มีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ" สำหรับประเด็นการจัดทำบัญชีรายชื่อสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเพื่อให้ โรงเรียนเลือกซื้อนั้น ได้มีข้อวินิจฉัยว่า "การจัดทำบัญชีรายชื่อสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่ผ่านการประเมิน คุณภาพในทางวิชาการแล้วเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูล หรือรายละเอียดต่างๆ แก่สถานศึกษาในการเลือกใช้สื่อที่มีคุณภาพ ซึ่งการจัดทำบัญชีรายชื่อสื่อดังกล่าวยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน กันอย่างเป็นธรรมอีกด้วย รวมทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ อย่างถูกต้อง" แนวปฏิบัติของ สพฐ.จึงสอดคล้องกับข้อวินิจฉัยดังกล่าว

"8.ข้อเสนอแนะอื่นๆ"

คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรและผู้แทนสำนักพิมพ์ได้ฝากข้อคิดเห็นว่าในการพัฒนา คุณภาพหนังสือเรียนถือเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเร่งรัดพัฒนาครูให้มีคุณภาพและทันสมัย เพราะเป็นสื่อกลางที่จะพัฒนาให้การเรียนการสอนทันสมัยตลอดเวลา

สพฐ.หวังว่าข้อมูลที่ได้นำเสนอคงจะทำให้ท่านเกิดความกระจ่างมากขึ้น และพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนร่วม กัน



ที่มา มติชนรายวัน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11312 หน้า 22